Learning log
            สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในห้องเรียนจะเกี่ยวกับการเรียนรู้การให้ข้อมูลให้มีความเข้าใจ  เพราะเป็นกระบวนการขั้นพื้นฐานต่อผู้เรียน 
และหลักการแปลภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทยอย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์  เพื่อให้งานแปลออกมาถูกต้องมีความกระชับ  สละสลวย 
การเรียนร้นอกห้องเรียนจะเกี่ยวกับการเรียนรู้หลักการแปล 
และการฝึกแปลโดยเริ่มจากการแปลประโยคง่ายๆไม่มีความซับซ้อนมากนัก
            I + 1 = Comprehensible Input
            I หมายถึง Input เกี่ยวข้องกับตัวผู้เรียนโดยตรง 
โดยการที่ผู้สอนจะป้อนข้อมูลแก่ผู้เรียนได้นั้น  ผู้สอนจะต้องทราบก่อนว่าผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้เดิมในระดับใด 
เพื่อจะได้จัดทำการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสมกับสภาพของผู้เรียน
            1 หมายถึง ผู้สอน โดยผู้สอนจะต้องสอนเนื้อหาที่มีความยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งให้แก่ผู้เรียน
            จากสมการ
I + 1 = Comprehensible Input ข้างต้น  ผู้สอนควรทราบถึงพื้นฐานทางความรู้เดิมของผู้เรียนก่อนว่า  ผู้เรียนของท่านมีความรู้อยู่ในระดับใด 
เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการเรียนการสอนและผู้สอนจะต้องจัดการเรียนการสอนให้มีความยากเพิ่มขึ้นจากความรู้เดิมของผู้เรียนมาอีกหนึ่งระดับ
            ในการแปลจากภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทยนั้น  จะต้องแปลให้มีความสั้น  กระชับ 
สละสลวย  และมีใจความครบสมบูรณ์  และต้องคำนึงถึงการใช้กาลในภาษาอังกฤษด้วย  ในภาษาอังกฤษถือว่ากาลมีความสำคัญมาก  ส่วนในภาษาไทยจะไม่มีคำที่บ่งบอกถึงกาล  จะทำให้การแปลเป็นภาษาไทยมีความผิดเพี้ยนไปได้
เช่น
            He lived in Phuket for a year.
            He
has lived in Phuket for a year.
            จะเห็นได้ว่าประโยคสองประโยคนี้มีความคล้ายกัน  แต่มีความหมายต่างกัน  เพราะมีการใช้กาลในรูแบบที่ต่างกัน  เมื่อแปลเป็นภาษาไทยจะได้ความหมายดังนี้
            ประโยคที่หนึ่ง
: เขาเคยอยู่ภูเก็ตหนึ่งปี
            ประโยคที่สอง
: เขาอยู่ภูเก็ตมาแล้วหนึ่งปี
            เราจะเห็นได้ว่ารูปของคำกริยาที่ใช้มีความต่างกาลกัน  โดยในภาษาไทยรูปกริยาจะไม่บอกกาลให้ทราบ 
ดังนั้นเวลาแปลจึงจำเป็นต้องเติมคำขยายเพื่อให้เกิดความหมายตรงกับภาษาอังกฤษ
สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน  คือ 
ไปหาหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีหลักการแปลมาอ่าน  เพื่อทำความเข้าใจ  เวลาที่ทำงานแปลจะได้แปลได้อย่างถูกต้อง  กระชับ 
สละสลวย 
และมีความครบถ้วนสมบูรณ์ตามต้นฉบับ
            ดิฉันคิดว่าการเรียนรู้ภายในห้องเรียนมีความสำคัญและการเรียนรู้นอกห้องเรียนก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย  เราอย่าพึ่งเนื้อหาเฉพาะในห้องเรียนแต่เพียงอย่างเดียว 
แต่เราต้องหาเนื้อหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ
อีกด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะความชำนาญทางด้านการแปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น