วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 5 (นอกห้องเรียน)

Learning log 5 (นอกห้องเรียน)
                การศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียนได้ศึกษาเรื่อง Passive Voice เป็นการศึกษาเรื่องของประธานในประโยคที่เป็นผู้ถูกกระทำ  ซึ่งจะถูกกระทำโดยผู้อื่นหรือสิ่งอื่น  ในการแปลประโยค Passive Voice จะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นเลย  เพราะจะเกิดการเข้าใจผิดได้หากเราไม่เข้าใจในเรื่อง Passive Voice และอาจจะทำให้การแปลของเรานั้นเมื่อคนอื่นมาอ่านอาจจะไม่เข้าใจได้
            Passive Voice คือรูปประโยคซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่นหรือสิ่งอื่นเป็นผู้กระทำ  เช่น  A mango is eaten by Marry.  ซึ่งมาจากประโยค Active Voice  ที่ว่า Marry eats a mango. เราจะเห็นได้ว่าใจความของประโยค  Active Voice  และ  Passive Voice นั้นจะมีความหมายอย่างเดียวกัน   แต่ผิดกันตรงที่ประโยค Active Voice  นั้นประธานจะเป็นผู้กระทำ  ส่วนประโยค Passive Voice ประธานจะเป็นผู้ถูกกระทำ
            กริยาที่เราจะนำมาเป็น Passive Voice  ได้นั้นจะเป็น transitive verb หรือกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ  เช่น  to love, to catch, to buy, to eat, to see, etc.  ส่วนกริยาที่เป็น  intransitive verb   นั้นจะนำมาเป็นประโยค  Passive Voice  ไม่ได้
            หลักการทั่วไปในการทำประโยค  Active Voice  ให้เป็นประโยค  Passive Voice  ได้นั้น ต้องมีหลักการดังนี้ คือ
1.       ให้กลับเอากรรมของประโยค  Active Voice  ไปเป็นกรรมของประโยค  Passive Voice  โดยมี preposition “by” นำหน้า
2.       ให้กลับเอากรรมของประโยค  Active Voice  เป็นประธานในประโยค   Passive Voice 
3.       กริยาของประธาน  Active Voice  นั้นเมื่อนำมาใช้ในประโยค  Passive Voice  จะต้องเปลี่ยนกริยาให้เป็นกริยาช่อง 3 และใช้ตามหลัง verb to be  คือ is, am, are, was, were, be, being และ been ซึ่งจะใช้ตัวไหนนั้นจะต้องดู tense  ด้วย

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประโยค Passive Voice  จะเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ แต่เราก็จะมองข้ามมันไม่ได้  เพราะถ้าเราเข้าใจประโยคผิด จะทำให้งานแปลของเราผิดไปด้วย บางทีก็อาจทำให้ประโยคของเราไม่สมบูรณ์ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น