Learning
log 5 (นอกห้องเรียน)
การศึกษาเพิ่มเติมนอกห้องเรียนได้ศึกษาเรื่อง Passive Voice เป็นการศึกษาเรื่องของประธานในประโยคที่เป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งจะถูกกระทำโดยผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ในการแปลประโยค Passive Voice จะมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นเลย
เพราะจะเกิดการเข้าใจผิดได้หากเราไม่เข้าใจในเรื่อง Passive Voice และอาจจะทำให้การแปลของเรานั้นเมื่อคนอื่นมาอ่านอาจจะไม่เข้าใจได้
Passive Voice คือรูปประโยคซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่นหรือสิ่งอื่นเป็นผู้กระทำ เช่น A
mango is eaten by Marry. ซึ่งมาจากประโยค
Active Voice ที่ว่า Marry eats a
mango. เราจะเห็นได้ว่าใจความของประโยค Active Voice และ Passive Voice นั้นจะมีความหมายอย่างเดียวกัน แต่ผิดกันตรงที่ประโยค Active
Voice นั้นประธานจะเป็นผู้กระทำ ส่วนประโยค Passive Voice
ประธานจะเป็นผู้ถูกกระทำ
กริยาที่เราจะนำมาเป็น
Passive Voice
ได้นั้นจะเป็น transitive verb หรือกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ เช่น to
love, to catch, to buy, to eat, to see, etc. ส่วนกริยาที่เป็น intransitive verb นั้นจะนำมาเป็นประโยค Passive Voice ไม่ได้
หลักการทั่วไปในการทำประโยค
Active
Voice ให้เป็นประโยค Passive Voice ได้นั้น ต้องมีหลักการดังนี้ คือ
1.
ให้กลับเอากรรมของประโยค Active
Voice ไปเป็นกรรมของประโยค Passive Voice โดยมี preposition “by” นำหน้า
2.
ให้กลับเอากรรมของประโยค Active
Voice เป็นประธานในประโยค Passive Voice
3.
กริยาของประธาน Active Voice นั้นเมื่อนำมาใช้ในประโยค Passive Voice จะต้องเปลี่ยนกริยาให้เป็นกริยาช่อง
3 และใช้ตามหลัง verb to be คือ is, am, are, was, were, be, being และ been ซึ่งจะใช้ตัวไหนนั้นจะต้องดู tense ด้วย
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าประโยค
Passive Voice จะเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ
แต่เราก็จะมองข้ามมันไม่ได้
เพราะถ้าเราเข้าใจประโยคผิด จะทำให้งานแปลของเราผิดไปด้วย
บางทีก็อาจทำให้ประโยคของเราไม่สมบูรณ์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น