Learning
log 7 (ในห้องเรียน)
การศึกษาที่เกิดจากในชั้นเรียนสัปดาห์นี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของประโยคเงื่อนไขหรือที่เรารู้กันในชื่อเรียกว่า
If Clause หรือ Conditional Sentences เป็นการศึกษาเรื่องของประโยคเงื่อนไข
ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับการเรียนด้านภาษา
เพราะประโยคที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันนั้นมีหลายรูปแบบ
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประโยคเงื่อนไข มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
If Clause คือประโยคที่มีข้อความแสดงเงื่อนไข (Conditions)
หรือการสมมติซึ่งประกอบด้วยประโยคเล็ก 2
ประโยครวมกัน และเชื่อมด้วย conjunction “if” ประธานที่นำหน้าด้วย
if แสดงเงื่อนไข เรียกว่า if-clause
และประโยคที่แสดงผลของเงื่อนไขนั้น เรียกว่า main clause หรือจะให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือ
ประโยคเงื่อนไขที่ใช้เพื่อแสดงว่า
“ถ้ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก็จะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมา” ซึ่งประโยค if-clause กับประโยค main clause
สองส่วนนี้สามารถสลับตำแหน่งกันได้ แต่ถ้า if อยู่ด้านหน้าจะต้องมีเครื่องหมาย (,) คั่นตรงกลาง แต่ถ้าเอาส่วนที่เป็นผลขึ้นก่อนก็ไม่ต้องใส่เครื่องหมาย (,) ดังนี้ If I have one million baht, I’ll buy a new car. ถ้าสลับตำแหน่งกันจะได้ว่า I’ll buy a new car if
I have one million baht. if-clause สามารถแบ่งออกได้ 3 แบบ คือ แบบที่ 1 เป็นการสมมติถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันหรืออนาคต แบบที่ 2 เป็นการสมมติในปัจจุบันที่บอกความสงสัย และแบบที่ 3
เป็นการสมมติในอดีตที่ไม่อาจเป็นไปได้เลยและตรงข้ามกับความเป็นจริงในอดีต
ประโยค
if-clause แบบที่ 1 คือ
ประโยคเงื่อนไขที่อาจจะเป็นไปได้ในปัจจุบันแสดงเหตุการณ์ที่เป็นจริงเสมอหรือคาดว่าจะเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ประโยคที่มี if หรือประโยคเหตุจะใช้ Present Simple
Tense ส่วนประโยคผลจะใช้ Future Simple Tense เขียนโครงสร้างได้
คือ If + present simple, subject + will + V.1 ตัวอย่างเช่น
If I have enough money, I will go to Japan. He will pass the exam if he works hard. เป็นต้น นอกจากนี้ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1
นี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาใน main clause ใน 4 กรณีต่อไปนี้ (1.)
เงื่อนไขที่แสดงความอาจจะเป็นไปได้ ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็นกริยาช่อง 1
ส่วนผลคำกริยาจะเป็น may/might + คำกริยารูปเดิม
เช่น If we are free, we may (might) go to the movie tonight. (2.) เงื่อนไขที่แสดงความสามารถ ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็นกริยาช่อง 1
ส่วนผลคำกริยาจะเป็น can + คำกริยารูปเดิม เช่น If
the rain stops, they can go out. (3.) เงื่อนไขที่แสดงการขอร้องหรือคำสั่ง
ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็นกริยาช่อง 1 ส่วนผลคำกริยาจะเป็น must/should
+ คำกริยารูปเดิม เช่น If you want to be fat, you must
(should) eat more. (4.) เงื่อนไขที่แสดงงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเป็นนิสัยหรือข้อเท็จจริง
ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็นกริยาช่อง 1 ส่วนผลคำกริยาจะเป็นช่อง 1 เช่นกัน เช่น If you throw stone into the water, it sinks.
ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2
คือประโยคเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน
เป็นการสมมติหรือจินตนาการให้บางสิ่งเกิดขึ้น โครงสร้างคือ If + past
simple, subject + would + V.1 ตัวอย่างเช่น If I had a
private jet, I would go to New Zealand.
She would be safer if she had a car. เป็นต้น
นอกจากนี้ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2
นี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาใน main clause ใน 2 กรณีต่อไปนี้ (1.) ใช้ might แทน
would เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้ และใช้ could แทน would เพื่อแสดงความสามารถ
ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยา จะเป็นกริยาช่อง 2
ส่วนผลคำกริยาจะเป็น might/could + คำกริยารูปเดิม ดังนี้ If
he tried again, he might get the answer. (2.) ถ้าคำกริยาใน main
clause เป็น verb to be จะต้องใช้ were
เพียงตัวเดียวไม่ว่าประธานจะเป็นอะไรก็ตาม
ส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็น were ส่วนผลคำกริยาจะเป็น would
+ คำกริยารูปเดิม ดังนี้ If I were you, I would play with
John.
และประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 คือเป็นประโยคเงื่อนไขที่ใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับความจริง
แสดงความเป็นไปไม่ได้ในอดีตหรือเป็นการสมมติเหตุการณ์ในอดีตไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น
โครงสร้างคือ If + past perfect, subject +would have + V.3 ตัวอย่างเช่น
If I had set my alarm clock, I wouldn’t have got up late. I would have been in big trouble if you had
not helped me. เป็นต้น นอกจากนี้ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3 นี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของคำกริยาใน main clause ใน
2 กรณีต่อไปนี้ (1.) ใช้ could
have แทน would have เพื่อแสดงความสามรถ
ในส่วนที่เป็นเหตุคำกริยาจะเป็น had + คำกริยาช่อง 3 ส่วนผลคำกริยาจะเป็น could have + คำกริยาช่อง 3
ดังนี้ If he had met her, he could have helped her. (2.) ใช้ might have แทน would have เพื่อแสดงความเป็นไปได้ ในส่วนที่เป็นเหตุ คำกริยาจะเป็น had + คำกริยาช่อง 3 ส่วนผลคำกริยาจะเป็น might
have + คำกริยาช่อง 3 ดังนี้ If we had
finished our homework, we might have gone to the movie.
จากการศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องของ if-clause ทำให้ตัวของดิฉันเองได้รู้ว่ายังต้องปรับปรุงทำความเข้าใจกับประโยค
if-clause ให้มากขึ้น
เพราะยังมีความไม่เข้าใจอยู่บ้างในบางส่วน แต่ถ้าเราได้ทำความเข้าใจกับเรื่องราวของ
if-clause แล้วจะทำให้เราเก่งด้านภาษาอังกฤษได้ยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น