Learning log 8 (ในห้องเรียน)
ในการสนทนากันในชีวิตประจำวัน
ประโยคที่เราใช้สื่อสารก็มีหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นในรูปแบบของประโยคบอกเล่าธรรมดา
ประโยคคำถาม ประโยคคำตอบ ซึงในรูปแบบของประโยคเหล่านี้มีทั้งที่เป็น Adjective Clause, Adverb Clause และ Noun
Clause อยู่ในนั้นด้วย
ประโยคเหล่านี้เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งในประโยคหลักเท่านั้น
ในวันนี้ก็ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของประโยค Noun Clause ซึ่งมีหลักการในการใช้ดังต่อไปนี้
นามานุประโยคหรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อของ
Noun Clause คืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เดียวกับคำนามหรือมีหน้าที่เสมือนคำนามนั่นเอง
เราสามารถใช้เป็นประธาน เป็นกรรม เป็นส่วนสมบูรณ์หรือเป็นนามซ้อนก็ได้
ซึ่งจะมีคำเหล่านี้เป็นคำเชื่อม ได้แก่ what, where, when, why, which,
who, whom, how, that, if, whether เป็นต้น หน้าที่ของประโยค Noun Clause คือ 1.) Subject NC มีตำแหน่งอยู่หน้าประโยคหรือหน้าคำกริยาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
เช่น What she is doing seems very difficult. 2.) Direct Object NC มีตำแหน่งอยู่หลังกริยาทำหน้าที่เป็นกรรม
เช่น I want to know where she lives. 3.) Object of Preposition NC มีตำแหน่งอยู่หลังบุพบท
ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุพบท เช่น Nathan is always pround of where she
was born. 4.) Subject
as Complement NC มีตำแหน่งอยู่หลัง verb to be ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประธาน เช่น The stability of life is what
jame wants to most in his life.
Noun Clause จะมีคำที่ใช้นำหน้าเพื่อเชื่อมกับ Main
Clause สามารถแบ่งย่อยได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1.)
การใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย that
จะใช้ในกรณีดังต่อไปนี้ ใช้ตามหลักกริยาที่แสดงถึงความรู้สึก
ความคิด หรือความคิดเห็น เช่น agree, feel, know, remember, believe,
forget, think, hope ตัวอย่าง I agree that we should follow
him. She know that her mom loves her. กรณีที่เป็นคำพูด that เป็นคำขึ้นต้น clause แต่มักจะละ that ตัวอย่าง I think that it’s
red, not green. ซึ่งเป็นภาษาทางการ เมื่อละ that จะกลายเป็นภาษาพูด คือ I think it’s red, not green. ปกติกริยาใน main clause จะเป็น present
simple tense ส่วนกริยาใน noun clause จะเป็น tense อะไรก็ได้ เช่น I believe it raining. (now), I believe that rain. (very soon), I believe it rained. (a moment ago) ในการสนทนา ถ้าต้องการเลี่ยงการพูดคำว่า that
บ่อยๆหรือไม่ต้องการพูด noun clause ซ้ำๆ
สามารถทำได้โดยใช้คำว่า so หรือ not
หลัง main clause เช่น A : Are we ready to
leave? B : I’m afraid not.
2.)
การใช้ Noun clause ขึ้นต้นด้วย Wh-words
ซึ่ง Wh-words ได้แก่คำว่า what,
where, when, why, how มีเกณฑ์การใช้คือ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-words จะมีชื่อเรียกอีกอย่าง คือ Indirect wh-question และแม้ว่า
Noun Clause เหล่านี้จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม
แต่ลำดับในอนุประโยคจะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า เช่น I know why he
comes home very late. ใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยค ถ้า
main clause เป็นประโยคคำถามจะใช้เครื่องหมาย question mark ปิดท้าย แต่ถ้า main clause เป็นประโยคบอกเล่าใช้เครื่องหมาย
full stop ปิดท้ายประโยค เช่น Could you tell me
where the elevators are? หรือ I’m wondering where
the elevators are. ใช้ Noun Cause
ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-words เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า
เราไม่รู้หรือเราไม่แน่ใจ เช่น I don’t know how much it costs. I’m not sure which house is his. ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-words เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ เช่น Can you tell me what time
the show start?
3.) การใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether มีหลักการใช้ดังนี้ คือ Noun
Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether
คือ indirect yes/no question เช่น I
don’t know if they passed the exam. ลำดับคำในประโยคและเครื่องหมายจบประโยคใช้เกณฑ์เดียวกับ
Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย wh-words เราจะขึ้นต้น
Noun Clause ด้วยคำว่า if หรือ whether
ก็ได้ แต่มักใช้ whether
ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการ เช่น Sir, I would like to know whether
you prefer coffee or tea. หรือ Tell me if you want
to go us or not.
4.)
ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อ main clause แสดงการใช้ความคิดหรือความคิดคำนึง เช่น I can’t remember if I
had already paid him. หรือ I wonder whether he will
arrive in time.
5.)
ใช้ Noun Clause ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อต้องการถามคำถามอย่างสุภาพ เช่น
Do you know if the principle is in his office. หรือ Can
you tell me whether the tickets include drinks?
จากการศึกษาเพิ่มเติมจากที่ได้เรียนรู้ในชั้นเรียนทำให้ได้ทราบถึงหน้าที่หลักเกณฑ์ในการใช้
Noun Clause ที่ถูกต้องว่าใช้อย่างไร
เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในงานเขียนและการพูดได้อย่างถูกต้องตามหลักภาษา
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม Noun Clause ก็มีความสำคัญ ในส่วนของ
clause อื่นๆก็มีความสำคัญเช่นกัน
ดังนั้นเวลาใช้ก็ควรคำนึงถึงความถูกต้องด้วย
เพื่อจะได้สื่อสารกันอย่างเข้าใจกันทุกฝ่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น